5 โรคที่ควรระวังในช่วงน้ำท่วม !!
พร้อมวิธีป้องกันและสัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์
สวัสดีครับทุกคน! ช่วงนี้สถานการณ์น้ำท่วมหลายพื้นที่ทำให้เราไม่สบายใจแน่นอน แต่ไม่ใช่แค่เรื่องทรัพย์สินเท่านั้นที่ต้องกังวล สุขภาพก็สำคัญมากๆ นะครับ เพราะเมื่อมีน้ำท่วม โรคต่างๆ ที่มากับน้ำก็สามารถระบาดได้ง่ายมาก วันนี้ผมขอมาแชร์ข้อมูลเกี่ยวกับ 5 โรคที่พบบ่อยช่วงน้ำท่วม และที่สำคัญคือวิธีการป้องกันและดูแลตัวเอง รวมถึงสัญญาณเตือนที่บ่งบอกว่าต้องรีบพบแพทย์ครับ
1. โรคน้ำกัดเท้า (ฮ่องกงฟุต)
เป็นปัญหาที่เกิดจากการที่เท้าเราแช่น้ำหรือเปียกชื้นนานๆ จนผิวหนังเริ่มพุพอง แสบคัน ถ้าไม่ดูแลอาจลุกลามเป็นเชื้อราหรือมีการติดเชื้อแบคทีเรียได้ครับ
วิธีป้องกัน:
• ใส่รองเท้าบู๊ตกันน้ำหรือรองเท้าที่สามารถป้องกันการสัมผัสน้ำโดยตรง
• ล้างเท้าด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งหลังจากเดินลุยน้ำ
• เช็ดเท้าให้แห้งสนิททันที และหากเท้าเปียกเป็นเวลานาน ควรเปลี่ยนถุงเท้าและรองเท้า
• หากมีบาดแผล ควรพันผ้ากันน้ำหรือใส่ถุงพลาสติกป้องกันแผลโดนน้ำ
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์:
• ผิวหนังเริ่มพุพองเป็นแผลใหญ่
• อาการคันหรือปวดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
• มีหนองหรือกลิ่นไม่พึงประสงค์จากแผล
2. โรคฉี่หนู (Leptospirosis)
โรคนี้เกิดจากเชื้อแบคทีเรียในปัสสาวะหนูที่ปนเปื้อนในน้ำท่วม เมื่อเราเดินลุยน้ำหรือน้ำเข้าปากหรือจมูกโดยไม่รู้ตัว จะทำให้ติดเชื้อและเกิดอาการได้
วิธีป้องกัน:
• หลีกเลี่ยงการแช่น้ำนานๆ โดยเฉพาะน้ำที่มีกลิ่นหรือสกปรก
• สวมถุงมือและรองเท้าบู๊ตเมื่อจำเป็นต้องลุยน้ำท่วม
• ล้างเท้าและร่างกายด้วยสบู่ทุกครั้งหลังจากสัมผัสน้ำ
• ปิดแผลให้มิดชิดก่อนลงน้ำ และหากมีแผลใหม่ให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสน้ำโดยตรง
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์:
• ไข้สูง ปวดหัว ปวดกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะบริเวณน่อง
• ตัวเหลือง ตาเหลือง หรือปัสสาวะสีเข้ม
• มีอาการอ่อนเพลียมาก อาเจียน หรือปวดท้อง
3. โรคอุจจาระร่วง
โรคนี้เกิดจากการดื่มน้ำหรือรับประทานอาหารที่ปนเปื้อนเชื้อโรคในน้ำท่วม เช่น เชื้อแบคทีเรีย ไวรัส หรือปรสิต อาการที่พบได้คือท้องเสียและอาเจียน
วิธีป้องกัน:
• ดื่มน้ำที่ต้มสุกหรือใช้น้ำขวดที่สะอาดเท่านั้น
• ล้างมือด้วยสบู่และน้ำสะอาดทุกครั้งก่อนรับประทานอาหารหรือสัมผัสใบหน้า
• กินอาหารที่สุกสะอาด หลีกเลี่ยงอาหารที่เก็บไว้ในพื้นที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อน
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์:
• ท้องเสียเกิน 2-3 วัน หรือมีอาการท้องเสียรุนแรง
• อาเจียนต่อเนื่อง หรือมีอาการอ่อนเพลียจนทำอะไรไม่ไหว
• มีอาการขาดน้ำ เช่น ปากแห้ง ปัสสาวะน้อย หรือรู้สึกอ่อนล้าอย่างมาก
4. โรคไข้เลือดออก
น้ำท่วมจะทำให้เกิดแหล่งน้ำขัง ซึ่งเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ของยุงลายที่เป็นพาหะนำโรคไข้เลือดออก อาการที่พบคือไข้สูง ปวดหัว และปวดตามร่างกาย
วิธีป้องกัน:
• กำจัดแหล่งน้ำขังรอบบ้าน เช่น ถังน้ำที่ไม่มีฝาปิด หรือแหล่งน้ำเล็กๆ
• ใช้มุ้งลวดหรือมุ้งนอนเพื่อป้องกันยุงกัด
• ใช้ยาทากันยุง และสวมเสื้อแขนยาวเพื่อป้องกันยุงกัด
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์:
• ไข้สูงเฉียบพลันที่ไม่ลดลงภายใน 2-3 วัน
• ปวดท้องมาก อาเจียนติดต่อกัน หรือมีเลือดออกตามผิวหนัง
• รู้สึกอ่อนแรง วิงเวียน หรือมีปัญหาทางเดินหายใจ
5. โรคตาแดง (Conjunctivitis)
เมื่อเราสัมผัสกับน้ำสกปรกแล้วน้ำกระเด็นเข้าตา หรือใช้มือสกปรกขยี้ตา จะทำให้เกิดการติดเชื้อที่ตา มีอาการคัน แสบตา น้ำตาไหล ตาแดง
วิธีป้องกัน:
• ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสใบหน้าและตา
• หากน้ำสกปรกกระเด็นเข้าตา ควรล้างตาด้วยน้ำสะอาดทันที
• หลีกเลี่ยงการใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับผู้อื่น และไม่ขยี้ตาเมื่อรู้สึกคัน
สัญญาณเตือนที่ควรพบแพทย์:
• อาการตาแดงไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน
• มีน้ำตาหรือขี้ตาสีเหลืองหรือเขียว
• ปวดตาหรือมีอาการมองเห็นผิดปกติ
สุดท้ายนี้ครับ อย่าลืมดูแลสุขภาพของตัวเองและครอบครัวให้ดีในช่วงน้ำท่วมนี้นะครับ หมั่นรักษาความสะอาด และถ้าเริ่มมีอาการผิดปกติอย่ารอช้า ควรรีบไปพบแพทย์ทันทีครับ การป้องกันและดูแลตัวเองเป็นเรื่องสำคัญมากในช่วงนี้ ยังไงทุกคนก็อย่าลืมปฏิบัติตามคำแนะนำและรักษาสุขภาพให้ดีนะครับ!
ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์
ปรึกษาปัญหากระดูกและข้อได้ที่ line ID @doctorkeng ไม่เสียค่าใช้จ่าย
https://page.line.me/vjn2149j?openQrModal=tru