ข้ออักเสบรูมาตอยด์คืออะไร? รักษาอย่างไร?
ข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลกระทบต่อข้อต่อต่าง ๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะข้อต่อขนาดเล็ก เช่น ข้อมือ ข้อนิ้วมือ ซึ่งเกิดจากระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายทำงานผิดปกติและโจมตีเนื้อเยื่อของตัวเอง ทำให้เกิดการอักเสบและความเจ็บปวดในข้อต่อต่าง ๆ ซึ่งหากปล่อยไว้นาน ๆ โดยไม่รักษาอาจทำให้ข้อต่อเสียหายถาวรได้
อาการของข้ออักเสบรูมาตอยด์
อาการทั่วไปของข้ออักเสบรูมาตอยด์มักเริ่มต้นที่ข้อต่อเล็ก ๆ และอาจมีอาการอื่น ๆ ร่วมด้วย เช่น
• ปวดและบวมที่ข้อต่อ โดยเฉพาะช่วงเช้าหรือหลังจากหยุดการเคลื่อนไหวเป็นเวลานาน
• รู้สึกเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย
• น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ
• มีอาการไข้ต่ำ ๆ
• รู้สึกตึงที่ข้อต่อเมื่อตื่นนอนตอนเช้า
การรักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์
การรักษาข้ออักเสบรูมาตอยด์มุ่งเน้นไปที่การลดอาการอักเสบ ควบคุมอาการปวด และชะลอความเสียหายของข้อต่อ ซึ่งวิธีการรักษาได้แก่:
1. การใช้ยา: แพทย์จะให้ยากลุ่มต่าง ๆ เช่น
• ยาต้านการอักเสบแบบไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs)
• ยาแก้ปวด
• ยาระงับระบบภูมิคุ้มกัน
• ยาชะลอการดำเนินโรค (DMARDs) เช่น methotrexate ซึ่งเป็นยาที่ช่วยลดการอักเสบและป้องกันความเสียหายที่ข้อต่อ
2. การทำกายภาพบำบัด: ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและเสริมความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อต่อ ลดความเจ็บปวดและเพิ่มความสามารถในการเคลื่อนไหว
3. การผ่าตัด: ในกรณีที่ข้อต่อเสียหายรุนแรง การผ่าตัดเปลี่ยนข้อเป็นตัวเลือกที่ช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
4. การดูแลตัวเอง: การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้เกิดการอักเสบ เช่น อาหารที่มีน้ำตาลสูงหรือไขมันทรานส์ การนอนหลับให้เพียงพอ และออกกำลังกายเบา ๆ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อรอบข้อต่อ
ปรับการใช้ชีวิตให้ง่ายขึ้น
แม้ว่าข้ออักเสบรูมาตอยด์จะเป็นโรคเรื้อรัง แต่ด้วยการดูแลรักษาที่เหมาะสม ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติ การปรับตัวและเข้าใจโรคสำคัญอย่างยิ่ง หากรู้สึกเจ็บปวดหรือมีอาการอักเสบ แนะนำให้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาทันที
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น