วันพฤหัสบดีที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2567

เก๊าท์ VS รูมาตอยด์ แตกต่างกันอย่างไร

โรคเก๊าท์ (Gout) และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นโรคที่ทำให้เกิดการอักเสบของข้อต่อ แต่มีความแตกต่างกันในหลายด้าน ดังนี้:

1. สาเหตุ:

• เก๊าท์: เกิดจากการสะสมของผลึกกรดยูริกในข้อต่อ ซึ่งเกิดจากภาวะกรดยูริกในเลือดสูง เมื่อกรดยูริกสะสมเป็นเวลานาน ผลึกเหล่านี้จะก่อให้เกิดการอักเสบเฉียบพลันและปวดรุนแรงในข้อต่อ

• รูมาตอยด์: เป็นโรคภูมิคุ้มกันทำลายตนเอง (Autoimmune Disease) ที่ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายโจมตีเนื้อเยื่อข้อต่อ ทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อข้อต่อและอวัยวะอื่น ๆ

2. ลักษณะอาการ:

• เก๊าท์: อาการปวดเฉียบพลันมักเกิดที่ข้อเดียว โดยเฉพาะข้อโคนนิ้วหัวแม่เท้า ข้อจะบวม แดง ร้อน และปวดอย่างรุนแรง อาการมักเกิดขึ้นในเวลากลางคืน และจะหายไปในไม่กี่วัน แต่สามารถเกิดซ้ำได้

• รูมาตอยด์: มีลักษณะปวดและบวมในข้อต่อหลายข้อพร้อมกัน และมักเป็นแบบสมมาตร (เช่น ข้อมือทั้งสองข้าง) อาการจะเป็นแบบเรื้อรัง และถ้าไม่ได้รับการรักษา อาจนำไปสู่การเสียรูปของข้อ

3. กลุ่มคนที่เป็น:

• เก๊าท์: พบมากในผู้ชาย โดยเฉพาะวัยกลางคนถึงสูงอายุ และคนที่มีประวัติครอบครัวเป็นโรคเก๊าท์

• รูมาตอยด์: พบมากในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะในช่วงอายุ 30-60 ปี

4. การวินิจฉัย:

• เก๊าท์: ตรวจพบระดับกรดยูริกในเลือดสูง หรือการตรวจพบผลึกกรดยูริกในน้ำที่เจาะจากข้อที่อักเสบ

• รูมาตอยด์: ตรวจพบ Rheumatoid Factor (RF) หรือ Anti-CCP ในเลือด และการอักเสบทั่วไปโดยดูจาก ESR และ CRP

5. การรักษา:

• เก๊าท์: รักษาด้วยยาต้านการอักเสบ (NSAIDs), Colchicine, หรือ Corticosteroids ในช่วงที่อักเสบเฉียบพลัน และยาลดกรดยูริกในเลือด (เช่น Allopurinol) ในระยะยาว

• รูมาตอยด์: ใช้ยา DMARDs (เช่น Methotrexate), ยาชีวภาพ (เช่น TNF inhibitors), และ NSAIDs หรือ Steroids ในการควบคุมอาการ

6. ภาวะแทรกซ้อน:

• เก๊าท์: อาจเกิดก้อนโทฟัส (Tophus) ใต้ผิวหนัง นิ่วในไต และความเสียหายของข้อจากการอักเสบซ้ำ ๆ

• รูมาตอยด์: อาจเกิดข้อเสียรูปและข้อยึด โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคปอด โรคไต และการอักเสบในอวัยวะอื่น ๆ

7. แนวโน้มการเกิดโรค:

• เก๊าท์: อาการจะเป็นซ้ำได้ถ้าไม่ควบคุมระดับกรดยูริกในเลือด

• รูมาตอยด์: เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องการการรักษาต่อเนื่องเพื่อป้องกันความเสียหายของข้อต่อ

ทั้งสองโรคมีลักษณะที่คล้ายกันในแง่ของการทำให้เกิดการอักเสบในข้อต่อ แต่แตกต่างกันอย่างชัดเจนในเรื่องสาเหตุ อาการ และการรักษา


ผศ.นพ.ธนินนิตย์ ลีรพันธ์

ปรึกษาปัญหากระดูกและข้อได้ที่ line ID @doctorkeng ไม่เสียค่าใช้จ่าย

https://page.line.me/vjn2149j?openQrModal=tru